วันเสาร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2557

จามจุรี ต้นไม้ประจำโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา

หลายๆคนอาจสงสัยว่าทำไมโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาและจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยถึงมีต้นไม้ประจำโรงเรียนและต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัยต้นเดียวกัน คือ ต้นจามจุรี วันนี้ฉันจะมาอธิบายให้คุณทราบดังต่อไปนี้ค่ะ


โรงเรียนเตรียมอุดมฯ แต่ก่อนผู้ที่จะเข้าจุฬาฯต้องมาศึกษา ณ ที่นี่ เมื่อก่อนชื่อว่า โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ โรงเรียนเตรียมฯ ยังใช้ตราสัญลักษณ์พระเกี้ยว(น้อย), ต้นจามจุรี, สีชมพู และการบูม Baka เป็นสัญลักษณ์ของสถาบันเหมือนๆกับชาวจุฬาฯ อีกด้วย


ต้นจามจุรีบริเวณจุฬาฯ


หลักฐานที่ระบุชัดเจนเกี่ยวกับที่มาของการถือว่าจามจุรีเป็นต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัย หรือเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของชาวจุฬาฯ นั้นยังไม่มีผู้ใดทราบแน่ชัด แต่สิ่งหนึ่งซึ่งเป็นที่ยอมรับกันทั้งชาวจุฬาฯ และสังคมทั่วไปก็คือ บริเวณที่เป็นจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนั้นมีต้นจามจุรีขึ้นอย่างหนาแน่น และสิ่งที่นิสิตจุฬาฯ มีความรู้สึกนึกคิดตรงกันคือสีดอกจามจุรีเป็นสีชมพู จามจุรีให้ร่มเงาสำหรับการเดินไปมา การพักผ่อน การดูหนังสือ ใช้กิ่งก้านใบจามจุรีในกิจกรรมรับน้องใหม่กับการแข่งขันกีฬา วัฏจักรของจามจุรีสอดคล้องกับวิถีชีวิตของชาวจุฬาฯ กล่าวคือ สีเขียวชอุ่มให้ความสดชื่นในภาคต้น และภาคที่สองทั้งใบและฝักเตือนให้รีบดูหนังสือเตรียมตัวสอบปลายปีมิฉะนั้นจะพบกัน repeat หรือ retire จามจุรีอยู่ที่จุฬาฯ มานานจนบอกไม่ได้ว่าเมื่อไร ด้วยเหตุนี้จามจุรีกับจุฬาฯ จึงผูกพันกันมากจนกลายเป็นต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัยและเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของจุฬาฯ


ลานจามจุรีศรีโพธิ์ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา


โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาของเรา มีลานจามจุรีศรีโพธิ์ ซึ่งมีต้นจามจุรีและต้นศรีมหาโพธิ์ขนาดใหญ่อยู่สองต้น เป็นสถานที่ที่ร่มรื่น เหมาะแก่การทำกิจกรรมของนักเรียนเตรียมอุดมศึกษาอีกด้วยค่ะ


ข้อมูลทั่วไปของต้นจามจุรี



ชื่อ : จามจุรี หรือ ก้ามปู หรือ ฉำฉา
ชื่อภาษาอังกฤษ : Rain tree
ชื่อพื้นเมือง : ก้ามกราม (กลาง), ก้ามกุ้ง (กทม.,อุตรดิตถ์), ตุ๊ดตู่ (ตราด), ลัง (เหนือ), สารสา (เหนือ), สำสา (เหนือ) และ เส่คุ่ (กะเหรี่ยง แม่ฮ่องสอน)
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Samanea saman
เป็นพืชในวงศ์ถั่ว (Leguminosae) ในวงศ์ย่อย Minosoideae เป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ มีกิ่งก้านสาขามาก มีใบขนาดเล็ก ดอกสีชมพู มีผลเป็นฝัก เมล็ดแข็ง ผลมีเนื้อสีชมพู รสหวาน สัตว์เคี้ยวเอื้องชอบกินเป็นอาหาร เป็นพืชพื้นเมืองของเม็กซิโก, บราซิล และเปรู ต่อมาได้ถูกนำเข้ามาเผยแพร่ในเอเชียใต้, เอเชียอาคเนย์, หมู่เกาะแปซิฟิก และฮาวาย

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ต้นจามจุรี
ใบ เป็นใบผสมแบบขนนกสองชั้นทั้งใบยาวประมาณ 25 40 เซนติเมตร ใบประกอบด้วยช่อใบ 4 คู่ ใบย่อย 2 10 คู่ ต่อหนึ่งใบ ใบย่อยเกิดบนก้านใบซึ่งแยกจากก้านใหญ่ ใบย่อยรูปขนานเปียกปูนแต่เบี้ยว ใบย่อยด้านปลายใบใหญ่ที่สุดใบย่อยหนาปานกลาง ด้านหน้าใบสีเขียวเข้มเป็นมัน ด้านหลังใบสีเขียวนวล และมีขนเล็กน้อย



ดอก เป็นช่อดอกทรงกลม แต่ละช่อรวมกันเป็นช่อใหญ่ ช่อดอกเกิดที่ปลายกิ่ง กลีบดอกเล็กมาก แต่ละช่อดอกมีดอกตัวเมียดอกเดียว และล้อมรอบด้วยดอกตัวผู้เป็นจำนวนมาก ดอกบานมีสีชมพูซึ่งเป็นสีของเกสรตัวผู้ จามจุรีออกดอกระหว่างเดือนกุมภาพันธ์ พฤษภาคม


ผล เป็นฝักแบนเมื่อแก่ก็จะไม่แตก ฝักแก่จะมีสีน้ำตาลดำขนาดกว้าง 1.5 2 เซนติเมตร ยาว 12 20 เซนติเมตร ภายในฝักมีเนื้อนิ่มรสหวาน ฝักหนึ่งๆ มีเมล็ด 15 25 เมล็ด เมล็ดสีน้ำตาลดำยาว 0.5 0.8 เซนติเมตร ฝักแก่ระหว่างเดือนตุลาคม มกราคม


    ประโยชน์ของต้นจามจุรี
1.   เนื้อไม้เป็นวัตถุดิบในอุตสาหกรรมแกะสลักไม้ภาคเหนือ ซึ่งมีการดำเนินงานในรูปสหกรณ์หัตถกรรมไม้ นอกจากไม้จามจุรีคือไม้สักมีราคาแพงและหายากทำให้ไม้จามจุรีจึงมีบทบาทในการทดแทนไม้สักได้มากขึ้น เนื่องจากไม้จามจุรี ราคาถูก สามารถหาได้ง่ายกว่าไม้สัก

2.    จามจุรีเป็นแม่ไม้ที่ใช้เลี้ยงครั่งได้ผลดีมากชนิดหนึ่งโดยเฉพาะชนิดที่มีดอกสีชมพูเปลือกสีเทาดำ ใบเขียวเข้ม ครั่งจะจับได้ดี ไม้ชนิดนี้สามารถเลี้ยงครั่งทั้งรอบฤดูร้อนและฤดูฝน
3.    เป็นอาหารสัตว์ ใบและฝักมีคุณประโยชน์มาก สำหรับ วัว ควาย
4.    ปรับปรุงสภาพดินเลวให้ดีขึ้น เนื่องจากเป็นพืชตระกูลถั่วจึงมีคุณสมบัติในการปรับปรุงคุณภาพของดินให้ดีขึ้น ใบใช้ทำปุ๋ยหมักได้ โดนเฉลี่ยมีไนโตรเจนถึงร้อยละ 3.25
5.    เป็นไม้ประดับยืนต้น ที่สวยงามเนื่องจากเรือนยอดแผ่กว้างทั้งยังให้ร่มเงาที่ร่มเย็น เนื่องจากใบเป็นใบประกอบแบบผสมแบบขนนก ค่อนข้างใหญ่และอยู่ชิดกัน เมื่อพระอาทิตย์ตกดินใบจะหุบเข้าหากันครั้นรุ่งเช้าก็จะคลี่ขยายใบออก เพื่อเป็นการช่วยให้น้ำค้างที่ดินอยู่ตามกิ่งก้านหยดลงถึงพื้นดิน บรรดากล้วยไม้ที่เกาะติดอยู่ตามลำต้นและเฟิร์นที่อยู่ตามพื้นดินภายใต้ร่มเงาของจามจุรีจึงเจริญเติบโตได้ดี


ต้นจามจุรี


บทความโดย นันท์นภัส วุฒิพันธไชย



ความหมายของดอกไม้ต่างๆ

ความหมายของดอกไม้ต่างๆ


ความหมายของ ดอกคาร์เนชั่

ดอกคาร์เนชั่นนี้เป็นสัญลักษณ์ของการเฉลิมฉลอง ซึ่งในตำนานความเป็นมาของชาวกรีกโรมันมักจะนิยมในการใช้เจ้าดอกไม้ชนิดนี้ในการแสดงความยินดี ความรื่นเริงต่างๆ ซึ่งแตกต่างกันไปตามแต่ละสี

สีของ ดอกคาร์เนชั่น ตามความหมาย· - ดอกคาร์เนชั่นสีขาว (White Carnation) ซึ่งมักนิยมใช้ในการแสดงความชื่นชมยินดีตามแต่วาระต่างๆ เช่นการรับปริญญา เป็นต้น· - ดอกคาร์เนชั่นสีเหลือง (Yellow Carnation) เป็นสัญลักษณ์ของความดูถูกเหยียดหยามอย่างมากเลยละค่ะ ถ้าผู้ให้ได้ให้ดอกคาร์เนชั่นสีเหลืองแก่ใครแสดงว่า ผู้ให้นั้นรู้สึกดูหมิ่นเหยียดหยามผู้รับอย่างมากเลยค่ะ· - ดอกคาร์เนชั่นสีแดง (Red Carnation) เป็นมีที่มีความหมายแสดงถึงความอกหัก หัวใจที่แตกสลาย· - ดอกคาร์เนชั่นลาย มีความหมายถึงการปฏิเสธ นั่นก็คือถ้าอยากบอกปฏิเสธรักใครก็ให้มอบดอกคาร์เนชั่นลายให้กับผู้นั้นค่ะ คล้ายเป็นการบอกปฏิเสธแบบใช้การให้ดอกไม้แทนการตอบปฏิเสธแบบคำพูด · - ดอกคาร์เนชั่นสีชมพู (Pink Carnation) ถ้าเราต้องการที่จะสารภาพหรือบอกรักใครก็ต้องใช้งานเจ้าดอกคาร์เนชั่นสีชมพูนี้ได้เลย เพราะว่ามันคือสีที่เป็นตัวแทนของความรัก



ความหมายของ ดอกกุหลาบ
ดอกกุหลายก็เป็นดอกไม้ชนิดหนึ่งที่มีความหมายของแต่ละสีของดอกแต่โดยตัวของมันเองนั้นมีความหมายในลักษณะรวมๆ ว่าเป็นดอกไม้แห่งความรักอยู่แล้ว เรามาดูกันเลยดีกว่าค่ะ ว่าแต่ละดอกนั้นมีความหมายอย่างไรบ้าง
· - ดอกสีแดง (สีนี้ฮิตมากเลยค่ะ) มีความหมายที่หมายถึง ฉันรักเธอเข้าแล้ว
· - ดอกสีขาวที่มีความหมายว่า ฉันรักเธอด้วยใจบริสุทธิ์ ไม่หวังสิ่งใดตอบแทน
· - ดอกสีส้ม ที่มีความหมายแสดงถึงการบอกแทนถึง ความในใจกับความรักและสิ่งที่ผ่านมา
· - ดอกสีชมพู ที่มีความหมายแสดงถึง ความงดงาม ความอ่อนโยน
· - ดอกสีเหลือง ความหมายของดอกสีเหลืองนี้อ่านดูแล้วอาจจะรู้สึกยังไงๆอยู่นะค่ะ เพราะว่าความหมายของเขานั้นหมายถึง ขอเป็นชู้ทางใจ หรือ ความสนุกสนาน ร่าเริง ความสุข
· - ดอกสีม่วง ดอกสีนี้ไม่ค่อยได้พบกันเท่าใดนักค่ะ ซึ่งมีความหมายประจำสีนี้ว่าหมายถึง รักแรกพบ
· - ดอกสีขาวและดอกสีแดงรวมกันนั้นมีความหมายว่า สองเรานั้นเป็นหนึ่งเดียวกัน


สีและความหมายของ ดอกมัมหรือดอกเบญจมาศ
สีของ ดอกมัม นั้นจะมีมากมายหลายสีค่ะ ซึ่งแต่ละสีนั้นก็มีความสวยงามน่ารักไม่แพ้กันเลยละค่ะ วันนี้ก็จะขอยกตัวอย่างสีของดอกและความหมายตามสีของดอกมาให้ได้รู้จักกันพอหอมปากหอมคอกันสัก 3 สีนะค่ะ ไปเริ่มกันเลยค่ะ
· - ดอกสีแดง นั้นมีความหมายแสดงถึง ความรัก การรักใคร่ชอบพอกันค่ะ
· - ดอกสีขาว นั้นมีความหายแสดงถึง ความซื่อสัตย์,ความจริง นิยมมอบให้กับเพื่อนๆค่ะ
· - ดอกสีเหลือง นั้นมีความหมายแสดงถึง ความโชคดีค่ะ จึงนิยมที่จะมอบให้กับญาติผู้ใหญ่ของเราในการพบปะกันหรือนานๆเจอกันทีแบบนี้ค่ะ


ความหมายของ ดอกลิลลี่
อย่างที่รู้กันว่า ดอกลิลลี่ นั้นมีมากมายหลายสี ซึ่งความหมายของมันก็มีมากมายหลากหลายความหมายเช่นเดียวกัน ดังนั้นอย่ารอช้าไปเริ่มรู้จักกับความหมายของเจ้าดอกไม้ของเจ้าหญิงดอกนี้กันเลยดีกว่า
  • ลิลลี่สีขาว ให้ความหมายคือ ความรักที่บริสุทธิ์ที่อ่อนหวาน อ่อนโยน คล้ายๆ กับรักแรกพบประมาณนี้ แหมช่างโรแมนติกจริงๆ
  • ลิลลี่สีชมพู เหมาะมากๆ ที่จะให้กับคนรักของคุณเพราะความหมายของมันก็คือ ความรักที่ลงตัว คุณคือคนที่ใช่แหมถ้าได้ดอกลิลลี่สีชมพูจากคนรักก็คนจะหน้าบานเลยหละ
  • - ลิลลี่สีส้ม เป็นสีแห่งความสดใสดังนั้นความหมายของมันก็คือ ความสดใส สนุกสนาน ร่าเริง
  • - ลิลลี่สีเหลือง เหมาะที่จะมอบให้กับคนที่คุณห่วงใย เพราะความหมายของมันก็คือ ความรักที่แสดงออกให้คุณได้รู้ถึงความห่วงใยนั่นเอง

ความหมายของดอกกล้วยไม้
ถ้าพูดถึง ดอกกล้วยไม้ แล้วดอกไม้ชนิดนี้สามารถเป็นตัวแทนคำพูดของเราได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว เพราะว่าเรามักจะนิยมใช้เป็นตัวแทนคำพูดของเราที่เราอาจจะอยากบอกคนรักหรือคนที่คุณแอบชอบว่า ฉันไม่อาจห้ามใจให้คิดถึงเธอได้หากไม่กล้าพูดความในใจ ใช้เจ้าดอกไม้ชนิดนี้เป็นตัวแทนบอกความรู้สึกของคุณไปเลย รับรองว่าผู้รับต้องยิ้มแก้มปริแน่นอน


ความหมายของดอกไฮเดรนเยีย
ความหมายของดอกไฮเดรนเยียคือ ดอกไม้แห่งหัวใจด้านชา  เขาว่ากันว่าหากใครได้รับดอกไม้นี้จากสาวหรือหนุ่มคนไหน แสดงว่าเขากำลังตัดพ้อต่อว่าคุณว่าคุณนั้นเป็นที่หัวใจด้านชาเสียเหลือเกินหรือไม่มีหัวใจนั่นเอง แต่ในอีกแง่หนึ่งก็มีความหมายที่ดีอยู่เหมือนกันว่าเป็นดอกไม้ที่ใช้ในการแทน คำขอบคุณเช่น ขอบคุณที่เข้าใจกัน 


ความหมายของดอกเยอบีร่า
มีด้วยกันสองความหมายคือ ความบริสุทธิ์ไร้เดียงสา กับ ความเข้มแข็ง จึงแปลความมาได้ หมายถึง "จิตใจที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสาแต่แฝงไว้ด้วยความเข้มแข็ง" หรือ เธอคือแสงอาทิตย์ แห่งชีวิตฉัน


ความหมายของดอกหน้าวัว
ความหมายของดอกหน้าวัวนั้นก็อาจจะฟังดูเศร้านั่นก็คือ หญิงสาวผู้เหงาเศร้า แต่หยิ่งและทรนงค์ในศักดิ์ศรีของตัวเองแต่ถ้าจะให้เป็นดอกไม้แทนความรักแล้วละก็มีความหมายที่ดีไม่แพ้ใครเลยซึ่งความหมายนั่นก็คือ ความรักที่มั่นคงและอดทน


 ความหมายของดอกการ์ดิเนีย
ดอกการ์ดิเนียหรือดอกพุดฝรั่ง เป็น ดอกไม้แห่งความโชคดีมีชัย หากต้องการแสดงความปราถนาดี หรือ อยากอวยพรให้ผู้ใดประสบโชคดี ก็ควร มอบดอกไม้นี้ให้แก่เขา


ความหมายของดอกแกลดิโอลัส 
ดอกแกลดิโอลัสเป็นสัญลักษณ์ของ ความลุ่มหลง ถ้าได้รับดอกแกลดิโอลัส จากใคร แสดงว่าเขาคนนั้นต้องการ สารภาพว่ากำลังหลงใหลคลั่งไคล้คุณอยู่ อย่างจริงจัง



ความหมายของดอกซ่อนกลิ่น
ดอกซ่อนกลิ่นเป็นดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมรุนแรง และเป็นดอกไม้ที่คนไทยในสมัยโบราณนิยมใช้จัดหน้าศพ เนื่องจากสมัยก่อน ยังไม่มีการฉีดยาศพกัน ดังนั้น เพื่อเป็นการอำพรางกลิ่น จึงจำเป็นต้องเสาะหาดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมรุนแรงมากๆมาจัด เพื่อซุกซ่อนกลิ่นอันไม่พึงปรารถนา



ความหมายของดอกบัว 
ดอกบัวจัดเป็นราชินีแห่งไม้น้ำ ดอกบัวเกิดในน้ำ เติบโตในน้ำ แน่น้ำไม่เกติดดอกบัว เปรียบกับผู้ปฏิบัติธรรม ไม่ติดอยู่ในตระกูล ในหมู่คณะ ในลาภยศ สรรเสริญ สุข และในปัจจัยเครื่องบริโภคทั้งหลาย ตลอดจนไม่ติดอยู่ในกิเลสทั้งมวล


ความหมายของดอกกระถิน  
ดอกกระถินหรืออะคาเชีย เป็นดอกไม้แห่งความมั่นคง การให้ดอกกระถิน บ่งบอกถึงการแสดงหัวใจรักที่แท้จริงและมั่งคงได้อย่างตรงไปตรงมาในแบบไทยโบราณ

                                                                                                         บทความโดย ธัชพรรณ รัตนนาคินทร์
ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก :

15 ต้นไม้มงคล ที่คนนิยมปลูกไว้ในบ้าน

15 ต้นไม้มงคล ที่คนนิยมปลูกไว้ในบ้า

ใคร ๆ ก็อยากให้บ้านของตัวเองมีความร่มรื่น อยู่เย็นเป็นสุข หลายคนจึงมีความคิดจะปลูกต้นไม้มงคลไว้ภายในบ้าน เพื่อเอาเคล็ด เอาโชค เอาชัย ตามความเชื่อของคนโบร่ำโบราณที่บอกต่อกันมาช้านาน และถ้าใครยังไม่รู้ว่า คนโบราณเขาแนะนำให้ปลูกต้นไม้อะไร เพื่อเสริมสิริมงคลในด้านต่าง ๆ  วันนี้ก็รวบรวมต้นไม้มงคล 15 ชนิด ที่คนนิยมปลูกกันในบ้านมาบอกให้ทราบกัน เผื่อจะได้เป็นไอเดียดี ๆ สำหรับตกแต่งสวนในบ้าน
1.ต้นมะยม

ฟังแค่ชื่อ "มะยม" ก็พอเดาได้ใช่ไหมล่ะว่า ทำไมคนถึงนิยมปลูกต้นมะยมไว้ที่บ้านกัน ก็เพราะเขาเชื่อกันว่า การปลูกต้นมะยมจะทำให้คนนิยมชมชอบ รักใคร่ มีชื่อเสียง ไม่มีคนคิดร้าย หรือเป็นศัตรูนั่นเอง ส่วนอีกความเชื่อหนึ่งก็บอกว่า หากปลูกต้นมะยมไว้ทางทิศตะวันตก จะช่วยป้องกันภูตผีปีศาจได้
   2.ต้นมะม่วง
นอกจากจะให้ร่มเงา และผลแสนอร่อยแล้ว มะม่วงยังเป็นต้นไม้มงคลที่มีความเชื่อมาตั้งแต่พุทธกาลว่า หากปลูกต้นมะม่วงไว้ทางทิศใต้ของบ้านแล้ว จะทำให้ผู้อยู่อาศัยในบ้านร่ำรวยยิ่งขึ้น ยิ่งขึ้น และยังช่วยป้องกันไม่ให้คนอื่นมารังแก รังควาน หรือใส่ความได้ด้วย
   3.ต้นขนุน
อีกหนึ่งต้นไม้ชื่อมงคลที่คนนิยมปลูกเช่นกัน เพราะตามความเชื่อของคนโบราณ บอกกันว่า การปลูกต้นขนุนจะทำให้ผู้อยู่อาศัยได้รับการสนับสนุน มีคนคอยอุปการะอุดหนุนจุนเจือ คอยให้ความช่วยเหลือ มีคนสรรเสริญ สามารถป้องกันอันตรายและคนใส่ร้ายป้ายสีได้ ซึ่งหากบ้านไหนคิดจะปลูกต้นขนุนแล้วล่ะก็ ควรเลือกปลูกทางทิศตะวันตกเฉียงใต้จะดีที่สุด โดยให้หัวหน้าครอบครัวเป็นคนลงมือปลูกในวันจันทร์ หรือวันพฤหัสบดี
   4.ต้นมะขาม
หากบ้านไหนต้องการให้ผู้อื่นเกรงขาม ตามความเชื่อเขาแนะนำให้ปลูกต้นมะขามไว้ทางทิศตะวันตก เพราะเชื่อกันว่า ต้นมะขามจะทำให้ผู้อยู่อาศัยเป็นที่น่าเกรงขามต่อผู้อื่น และทำให้คนชื่นชอบ นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันคดีความ ภูตผีปีศาจ และผีซ้ำด้ำพลอย
   5.ต้นราชพฤกษ์ หรือ ต้นคูน
ต้นไม้ประจำชาติไทยที่ออกดอกสีเหลืองทองสวยอร่ามนี้ คนไทยสมัยโบราณเชื่อกันว่า หากนำมาปลูกไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของบ้าน จะช่วยให้ผู้ที่อยู่อาศัยในบ้านมีความเจริญรุ่งเรืองเป็นทวีคูณ นอกจากนี้ จะช่วยให้คนในบ้านมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ด้วย เพราะต้นราชพฤกษ์เป็นต้นไม้ประจำชาติไทย ส่วนใบของราชพฤกษ์ก็มักถูกนำไปใช้ทำพิธีสะเดาะเคราะห์ คนจึงเชื่อว่า ราชพฤกษ์เป็นต้นไม้ที่มีความศักดิ์สิทธิ์มากทีเดียว
   6.ต้นกล้วย
ต้นไม้ที่ปลูกง่ายอย่างต้นกล้วยนี้ ก็เป็นต้นไม้ที่คนไทยสมัยก่อนนิยมปลูกไว้ในบ้านกันมาก เพราะนอกจากจะสามารถนำส่วนต่าง ๆ ของต้นกล้วย ทั้งหัวปลี ลำต้น ผล ใบ ฯลฯ มาทำประโยชน์ได้มากมายแล้ว เขายังมีความเชื่อด้วยว่า การปลูกต้นกล้วยไว้ทางทิศตะวันออกของบ้านจะช่วยให้การทำงานราบรื่น คิดสิ่งใดทำสิ่งใดก็ง่ายเหมือนปอกกล้วยเข้าปากนั่นไง  
   7.ต้นไผ่
ตามตำราฮวงจุ้ยของจีนบอกไว้ว่า ต้นไผ่เป็นสัญลักษณ์ของความสง่าเหนือธรรมชาติ หากปลูกไว้ในบ้านจะเสริมมงคลให้ผู้อยู่อาศัย ทำให้เป็นคนมุ่งมั่น ตั้งใจจริง มีสติปัญญา เอื้ออารี และกตัญญูรู้คุณ ซึ่งก็ไม่ต่างจากคนไทยที่เชื่อกันว่า หากปลูกต้นไผ่ไว้ในบริเวณบ้าน จะทำให้สมาชิกในบ้านตั้งใจทำงาน ประกอบอาชีพด้วยความซื่อสัตย์ มีคุณธรรม ไม่คดโกงเอารัดเอาเปรียบใคร นั่นก็เป็นเพราะลักษณะของต้นไผ่ที่มีลำต้นเหยียดตรง แข็งแรง สามารถต้านทานแรงลมพายุได้นั่นเอง หากจะปลูกต้นไผ่ ควรปลูกไว้ริมรั้วของบ้าน หรือบริเวณที่โล่งกว้าง ให้ต้นไผ่ได้แตกหน่อเจริญงอกงาม และควรปลูกไว้ทางทิศตะวันออก เพื่อให้ต้นไผ่ได้รับแสงแดดยามเช้า นอกจากนี้ ยังควรปลูกต้นไผ่ในวันเสาร์จึงจะเป็นมงคล อ้อ...ลืมบอกไปว่า ต้นไผ่มีหลากหลายชนิด ทั้งไผ่เหลืองทอง ไผ่สีสุก ไผ่เตี้ย ไผ่น้ำเต้า แต่คนโบราณเชื่อกันว่า ถ้าปลูกไผ่สีสุกจะช่วยให้สมาชิกในบ้านประสบความสำเร็จ ร่ำรวยเงินทอง และมีความสุขกันถ้วนหน้า เพราะชื่อไผ่สีสุกไปคล้องกับคำอวยพรที่ว่า "มั่งมีศรีสุข" นั่นเอง
   8.ต้นวาสนา หรือ วาสนาอธิษฐาน
เห็นหลาย ๆ บ้านนิยมปลูกต้นวาสนากัน เพราะชื่อเป็นมงคล จึงทำให้คนเชื่อกันว่า หากบ้านใดปลูกต้นวาสนาจะทำให้มีความสุข ความสมหวังในชีวิต และเป็นต้นไม้แห่งโชคลาภด้วย และการเสี่ยงทายด้วย โดยหลายคนเชื่อกันว่า หากต้นวาสนาบ้านไหนออกดอกสวยงาม จะทำให้มีโชคลาภ ปรารถนาสิ่งใดก็จะสมดังใจมุ่งหมาย แล้วถ้าคิดจะปลูกต้นวาสนาล่ะก็ ตามตำราเขาแนะนำให้ปลูกทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ และเนื่องจากต้นวาสนาเป็นต้นไม้ที่ให้ประโยชน์ทางใบ จึงควรปลูกในวันอังคาร โดยให้ผู้หญิงเป็นผู้ปลูกจะดีที่สุด เพราะชื่อวาสนาอธิษฐานเป็นชื่อที่เหมาะกับสุภาพสตรี
   9.ต้นแก้ว
ไม้ยืนต้นขนาดไม่ใหญ่ที่มีดอกสีขาวส่งกลิ่นหอมรัญจวนใจนี้ คนไทยนิยมปลูกไว้ริมรั้วบ้าน หรือปลูกลงในกระถางเพื่อประดับภายนอกอาคารก็ได้ โดยคำว่า "แก้ว" หมายถึงสิ่งของมีค่าที่คนนับถือบูชา เปรียบได้กับของมีค่าสูงดั่งดวงแก้ว ทำให้เกิดความเชื่อที่ว่า หากปลูกต้นแก้วไว้ประจำบ้าน จะทำให้สมาชิกในบ้านเป็นคนที่มีจิตใจบริสุทธิ์เหมือนแก้ว มีความเบิกบานใจ และมีคนรักดั่งแก้วตาดวงใจนั่นเอง เพื่อความเป็นสิริมงคล โบราณแนะนำให้ปลูกต้นแก้วไว้ทางทิศตะวันออก และให้ปลูกในวันพุธ ตามความเชื่อที่ว่า การปลูกไม้ที่เอาประโยชน์ทางดอกควรปลูกในวันพุธแล้วจะเป็นมงคล
   10.ต้นเข็ม
ทุกคนคงรู้กันอยู่แล้วว่า ดอกเข็ม ที่ใช้ในการประกอบพิธีไหว้ครู เป็นสัญลักษณ์แทนความฉลาดหลักแหลมเปรียบกับเข็มที่แหลมคม เช่นเดียวกับการปลูกต้นเข็มไว้ในบ้านที่คนโบราณเขาก็เชื่อว่า จะทำให้สมาชิกในบ้านมีความฉลาดหลักแหลมเหมือนกับดอกเข็ม และยังช่วยให้มีปฏิภาณไหวพริบเอาตัวรอดได้ด้วย หรือหากบ้านใดมีเด็กที่กำลังอยู่ในวัยศึกษาเล่าเรียน ดอกเข็มก็กระตุ้นให้เด็ก ๆ สนใจใฝ่หาความรู้มาเติมเต็มให้ตัวเองอยู่เสมอ หากต้องการจะปลูกต้นเข็ม โบราณแนะนำให้หาคนที่ให้ความสำคัญกับการศึกษาเล่าเรียนเป็นผู้ลงมือปลูก โดยเลือกปลูกทางทิศตะวันออก และปลูกในวันพุธ จะช่วยเสริมสิริมงคลให้แก่คนในบ้าน
   11.ต้นกระดังงา
หากต้องการให้วงศ์ตระกูลมีชื่อเสียงโด่งดัง ต้นกระดังงา ก็คือต้นไม้มงคลตามความเชื่อของคนโบราณที่ปรารถนาให้ลูกหลานมีชื่อเสียงก้องกังวานไปไกล มีลาภยศสรรเสริญ มีเงินทอง ผู้คนทั่วไปนับหน้าถือตา เพราะชื่อ "กระดังงา" เป็นชื่อที่มีความหมายที่ดี และคนก็เชื่อกันว่า เสียงที่ดังนั้นไพเราะเพราะพริ้งดังก้องไปถึงสรวงสวรรค์เลยล่ะ นอกจากเรื่องชื่อเสียงโด่งดังแล้ว คนไทยยังเชื่อกันว่า กระดังงาเป็นต้นไม้ที่ช่วยเสริมเสน่ห์ให้สมาชิกในบ้านให้เป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไป และมีชีวิตที่หอมหวลเหมือนกับกลิ่นหอมของดอกกระดังงา บ้านไหนที่คิดจะปลูกกระดังงาควรปลูกในวันพุธ ไว้ทางทิศตะวันออกของตัวบ้าน เพื่อให้แสงอาทิตย์สาดส่อง จะช่วยให้ชื่อเสียงขจรขจายไปทั่ว เพิ่มความเป็นสิริมงคลแก่ตัวบ้าน และครอบครัวที่อาศัยอยู่ในบ้าน
   12.ต้นโป๊ยเซียน
ต้นไม้แห่งโชคลาภที่คนไทยนิยมปลูกกันมากอีกชนิด เพราะเชื่อว่าจะทำลาภผลมาให้ และจะทำให้ครอบครัวสงบสุข ขณะเดียวกัน บางคนยังเชื่อว่า โป๊ยเซียน เป็นต้นไม้เสี่ยงทาย หากบ้านไหนปลูกต้นโป๊ยเซียนออกดอกได้ 8 ดอก ก็จะมีโชคลาภ เงินทอง ได้เลื่อนยศเลื่อนตำแหน่ง เพราะโป๊ยเซียนเป็นตัวแทนของเทพเจ้า 8 องค์ ที่จะนำความเจริญรุ่งเรือง และช่วยปกป้องคุ้มครองผู้ที่เป็นเจ้าของ ทั้งนี้ ตามเคล็ดปฏิบัติการปลูกต้นโป๊ยเซียน ควรจะให้ผู้ที่มีอายุ หรือญาติผู้ใหญ่ที่น่าเคารพนับถือมาลงมือปลูกให้ ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งเป็นทิศมงคลของต้นโป๊ยเซียน จะยิ่งเสริมความเป็นสิริมงคลให้ผู้อยู่อาศัย และควรปลูกในวันพุธ เพื่อให้ดอกที่ออกงดงามตามความเชื่อคนโบราณนั่นเอง ที่สำคัญควรเลือกดอกสีเหลือง หรือสีส้ม จะเป็นมงคลที่สุด
   13.ต้นโกสน
ไม้พุ่มหลากสีชนิดนี้ นิยมเป็นปลูกกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ โดยเฉพาะภายในพระราชวัง และวัด เพื่อหวังให้เกิดความร่มเย็นเป็นสุข หากนำมาปลูกในบ้าน ก็จะทำให้ครอบครัวมีแต่ความสงบสุข ปราศจากความขัดแย้งใด ๆ นั่นเพราะคนสมัยก่อนเชื่อกันว่า คำว่า "โกสน" มีเสียงใกล้เคียงกับคำว่า "กุศล" ซึ่งหมายถึงการสร้างบุญ สร้างสิ่งที่ดีงามเป็นบุญเป็นกุศลนั่นเอง ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล คนโบราณก็ยังแนะนำให้ปลูกต้นโกสนในวันอังคาร และปลูกไว้ทางทิศตะวันออกของบ้านเพื่อรับแสงแดดยามเช้า จะทำให้เห็นสีสันของใบที่สวยสด ดึงดูดสายตาของผู้ที่พบเห็น
   14.ต้นโมก
มีความเชื่อบอกต่อ ๆ กันมาว่า การปลูกต้นโมก หรือ โมกข ที่หมายถึงผู้ที่หลุดพ้นด้วยทุกข์ทั้งปวง จะนำเอาความสุขกายสบายใจ ความปลอดภัยมาให้สมาชิกในบ้าน เพราะดอกโมกมีสีขาวบริสุทธิ์สะอาด ส่งกลิ่นหอมทั้งวัน บางคนอาจจะเรียกต้นโมกว่า พุดพิชญา หรือ พุทธรักษา เพราะเชื่อว่าจะต้นโมกสามารถปกป้องคุ้มครองสิ่งชั่วร้ายให้สมาชิกในบ้านได้ เคล็ดลับสำหรับการปลูกต้นโมกก็คือ ให้ปลูกในวันเสาร์ เพราะเป็นต้นไม้ที่ปลูกเพื่อเอาคุณตามความเชื่อของคนโบราณ จะช่วยให้ต้นโมกเจริญงอกงามได้ดี และปกป้องคุ้มครองคนในบ้านได้ ซึ่งทิศที่เหมาะสมที่สุดในการปลูกต้นโมกก็คือ ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ
   15.ต้นบานไม่รู้โรย

เขาว่ากันว่าบ้านไหนมีคู่รักต้องปลูกต้นบานไม่รู้โรยไว้ในบ้านด้วย เพราะชื่อบานไม่รู้โรยเป็นชื่อมงคล หมายความถึง ความยั่งยืน ความอดทน และไม่ย่อท้อ หากเปรียบกับความรักก็เหมือนความรักที่ยั่งยืน ช่วยให้คู่รักมีความผูกพันมั่นคงต่อกันไปนาน ๆ ปราศจากความโรยรา หรือผันแปรตลอดไปนั่นเอง ฟังแล้วน่าปลูกไว้จริง ๆ



      และนี่ก็เป็นตัวอย่างต้นไม้มงคลที่ควรปลูกในบ้าน 15 ชนิด ที่คนโบราณเชื่อกันว่า จะช่วยเสริมพลังด้านต่าง ๆ ให้ผู้อยู่อาศัยภายในบ้าน แต่อย่างไรก็ตาม นี่ก็เป็นเพียงแค่ความเชื่อที่บอกเล่า และรับรู้สืบทอดต่อกันมาเท่านั้นนะคะ เพราะจริง ๆ แล้ว หากปรารถนาจะให้ครอบครัวมีแต่ความสุขความเจริญ ก็ต้องเป็นหน้าที่ของสมาชิกทุกคนในบ้านที่จะช่วยกันสร้างสิ่งดี ๆ ที่เป็นมงคลให้เกิดขึ้นด้วยตัวเองค่ะ

บทความโดย น.ส.ชนกนันท์ เชี่ยวไชยชาญ


ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพจาก

 http://home.kapook.com/view44266.html




วันศุกร์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2557

มารู้จัก...ดอกไม้ประจำ 10 ประเทศในอาเซียนกันดีกว่า

เหลือเวลาอีกเพียงแค่ปีกว่าเท่านั้นแล้วนะคะ ที่ประเทศไทยของเราจะก้าวเข้าสู่ประชาคมอาเซียน เพื่อที่จะทำให้ประเทศไทยของเราได้พัฒนาและเจริญก้าวหน้าไปอีกขั้นหนึ่งแล้ว ซึ่งประชาคมอาเซียนของเรานี้ เกิดจากการรวมตัวกันของประเทศในทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ถึง 10 ประเทศเลยทีเดียวค่ะ

เอ..แล้วเคยสงสัยไหมคะว่าแต่ละประเทศนี้เค้ามีต้นไม้หรือดอกไม้ประจำชาติเหมือนกับประเทศของเราหรือเปล่า? แล้วดอกไม้ประจำชาติของเขาคือต้นอะไรบ้างนะ?...ตามไปชมกันเลยค่ะ ^_^




1. บรูไนดารุสซาลาม (Negara Brunei Darussalam) : ดอกซิมปอร์






               ดอกไม้ประจำชาติบรูไน ก็คือ ดอกซิมปอร์ (Simpor) หรือที่รู้จักกันในชื่อ ดอกส้านชะวา (Dillenia) ดอกไม้ประจำท้องถิ่นบรูไน ที่มีกลีบขนาดใหญ่สีเหลือง หากบานเต็มที่แล้วกลีบดอกจะมีลักษณะคล้ายร่ม พบเห็นได้ตามแม่น้ำทั่วไปของบรูไน มีสรรพคุณช่วยรักษาบาดแผล หากใครแวะไปเยือนบรูไน จะพบเห็นได้จากธนบัตรใบละ 1 ดอลลาร์ ของประเทศบรูไน และในงานศิลปะพื้นเมืองอีกด้วย



2. ราชอาณาจักรกัมพูชา (Kingdom of Cambodia) : ดอกลำดวน




          
          
         กัมพูชามีดอกไม้ประจำชาติเป็น ดอกลำดวน (Rumdul) ดอกไม้สีขาวปนเหลืองนวล กลีบดอกหนาทึบและแข็งเล็กน้อย มีกลิ่นหอมเย็นแบบกรุ่น ๆ ถูกจัดเป็นไม้มงคลชนิดหนึ่งเพราะมีความหมายถึงความสดชื่นหอมกรุ่น และเป็นดอกไม้สำหรับสุภาพสตรี วิธีปลูกที่ถูกต้อง ต้องปลูกไว้ในทิศตะวันตกเฉียงเหนือของตัวบ้าน ที่สำคัญต้องปลูกในวันพุธด้วยนะ



 3. สาธารณรัฐอินโดนีเซีย (Republic of Indonesia) : ดอกกล้วยไม้ราตรี






          ดอกไม้ประจำชาติอินโดนีเซีย คือ ดอกกล้วยไม้ราตรี (Moon Orchid) ซึ่งเป็นหนึ่งในดอกกล้วยไม้ที่บานอยู่ได้นานที่สุด โดยช่อดอกนั้นสามารถแตกกิ่งและอยู่ได้นาน 2-6 เดือน โดยดอกจะบานแค่ปีละ 2-3 ครั้งเท่านั้น ทั้งนี้ดอกกล้วยไม้ราตรีสามารถเจริญเติบโตได้ดีในอากาศชื้น จึงพบเห็นได้ง่ายในพื้นที่ราบต่ำของประเทศอินโดนีเซีย



 4. สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (Lao People's Democratic Republic) : ดอกจำปาลาว





        ดอกไม้ประจำชาติประเทศเพื่อนบ้านของไทยอย่างประเทศลาว คือ ดอกจำปาลาว (Dok Champa) คนไทยรู้จักกันดีในชื่อ ดอกลีลาวดี หรือ ดอกลั่นทม โดยดอกจำปาลาวมักมีสีสันหลากหลาย ไม่เฉพาะเจาะจงว่าต้องเป็นเพียงสีขาวเท่านั้น เช่น สีชมพู สีเหลือง สีแดง หรือสีโทนอ่อนต่าง ๆ โดยดอกจำปาลาวนั้นเป็นตัวแทนของความสุขและความจริงใจ จึงนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายเพื่อประดับประดาในงานพิธีต่าง ๆ รวมทั้งใช้เป็นพวงมาลัยเพื่อรับแขกอีกด้วย



5. ประเทศมาเลเซีย (Malaysia) : ดอกพู่ระหง





       สำหรับประเทศมาเลเซียนั้น มีดอกไม้ประจำชาติเป็น ดอกพู่ระหง (Bunga Raya) ในภาษาท้องถิ่นเรียกกันว่า บุหงารายอ หรือที่รู้จักกันทั่วไปในชื่อ ดอกชบาสีแดง ลักษณะกลีบดอกเป็นสีแดง มีเกสรยื่นยาวออกมาเหนือดอก ซึ่งถูกจัดให้เป็นสัญลักษณ์ของประเทศมาเลเซีย เพื่อเสริมสร้างความเป็นปึกแผ่นและความอดทนในชาติ โดยเชื่อว่าจะช่วยส่งเสริมให้สูงส่งและสง่างาม รวมทั้งยังสามารถนำไปใช้ในทางการแพทย์และความงามได้อีกด้วย



6. สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ (Republic of the Philippines) : ดอกพุดแก้ว





        ดอกไม้ประจำชาติฟิลิปปินส์ คือ ดอกพุดแก้ว (Sampaguita Jasmine) ดอกมีสีขาวกลีบดอกเป็นรูปดาว มีกลิ่นหอม บานส่งกลิ่นในตอนกลางคืน ถือเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ เรียบง่าย อ่อนน้อมถ่อมตน รวมถึงความเข้มแข็งอีกด้วย เคยถูกนำมาใช้เฉลิมฉลองในตำนานเรื่องเล่ารวมทั้งบทเพลงของฟิลิปปินส์ด้วยเช่นกัน


7. สาธารณรัฐสิงคโปร์ (Republic of Singapore) : ดอกกล้วยไม้แวนด้า




       ประเทศสิงคโปร์ มี ดอกกล้วยไม้แวนด้า (Vanda Miss Joaquim) เป็นดอกไม้ประจำชาติ โดยดอกกล้วยไม้แวนด้าตั้งชื่อตามผู้ผสมพันธุ์ คือ Miss Agnes Joaquim จัดเป็นดอกกล้วยไม้ที่เป็นที่รู้จักมากที่สุดในประเทศสิงคโปร์ มีสีม่วงสดสวยงามและเบ่งบานอยู่ตลอดทั้งปี โดยถูกจัดให้เป็นดอกไม้ประจำชาติสิงคโปร์ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1981 (พ.ศ. 2524)



8. ราชอาณาจักรไทย (Kingdom of Thailand) : ดอกราชพฤกษ์





        

         ดอกไม้ประจำชาติไทยของเรา ก็คือ ดอกราชพฤกษ์ (Ratchaphruek) ที่มีสีเหลืองสวยสง่างาม เมื่อเบ่งบานแล้วให้ความรู้สึกอบอุ่น ถือเป็นสัญลักษณ์ของความมีเกียรติยศศักดิ์ศรี ซึ่งชาวไทยหลายคนรู้จักกันดีในนามของ "ดอกคูน" โดยมีความเชื่อว่าสีเหลืองอร่ามของดอกราชพฤกษ์คือสีแห่งพระพุทธศาสนาและความรุ่งโรจน์ รวมทั้งยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความสามัคคีปรองดองของคนในชาติอีกด้วย โดยดอกราชพฤกษ์จะเบ่งบานในช่วงเดือนกุมภาพันธ์พฤษภาคม มีจุดเด่นเวลาเบ่งบานคือการผลัดใบออกจนหมดต้น เหลือไว้เพียงแค่สีเหลืองอร่ามของดอกราชพฤกษ์เท่านั้น





 9. สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม (The Socialist Republic of Vietnam) : ดอกบัว




       ประเทศเวียดนาม มีดอกไม้ที่คนไทยคุ้นเคยอย่าง ดอกบัว (Lotus) เป็นดอกไม้ประจำชาติ โดยดอกบัวเป็นที่รู้จักกันในนาม ดอกไม้แห่งรุ่งอรุณเป็นสัญลักษณ์ของความบริสุทธิ์ ความผูกพัน และการมองโลกในแง่ดี ดอกบัวจึงมักถูกกล่าวถึงในบทกลอนและเพลงพื้นเมืองของชาวเวียดนามอยู่บ่อยครั้ง



 10. สหภาพพม่า (Union of Myanmar) : ดอกประดู่



       ดอกไม้ประจำชาติของประเทศพม่า คือ ดอกประดู่ (Paduak) เป็นดอกไม้ที่พบมากในประเทศพม่า มีสีเหลืองทอง ผลิดอกและส่งกลิ่นหอมในฤดูฝนแรก ช่วงเดือนเมษายนซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกับที่ประเทศพม่ามีการเฉลิมฉลองปีใหม่ขึ้น ชาวพม่าเชื่อว่าดอกประดู่คือสัญลักษณ์ของความแข็งแรง ความทนทาน และเป็นดอกไม้ที่ขาดไม่ได้ในพิธีทางศาสนาของชาวพม่าเลยล่ะ


        เป็นยังไงกันบ้างคะสำหรับเรื่องราวของดอกไม้ประจำชาติของทั้ง 10 ประเทศที่อยู่ในสมาคมอาเซียน หวังว่าท่านผู้อ่านคงจะได้รับความรู้เพิ่มขึ้นจากการชมบล็อกของเรานะคะ 
        
        ขอขอบคุณท่านผู้อ่านทุกท่านที่ติดตามอ่านจนจบค่ะ :D



บทความโดย : พิชยา กิตติเจริญฤกษ์


ขอขอบคุณแหล่งที่มาและรูปภาพจาก : 

http://phetkantree.blogspot.com/p/10.html
http://hilight.kapook.com/view/72711 
http://www.asean-for-all.com/2012/07/national-flower.html
http://www.phytoimages.siu.edu/imgs/pelserpb/r/Dilleniaceae_Dillenia_sibuyanensis_59598.html
http://www.usanee.rwb.ac.th/Biology/Unit01/03/3.htm
http://saw-kas-view.blogspot.com/2011/09/blog-post_9442.html
http://www.petchchompoo.com/product.detail_390748_th_4689916
http://wongchaleang.blogspot.com/2010/04/blog-post_1463.html
http://muang.kaset-surin.com/?p=309
http://www.oknation.net/blog/sarattatham/2008/09/12/entry-2
http://www.flowerslover.in.th